กลองจริง ( Acoustic Drum ) กับ กลองไฟฟ้า ( Electric Drum ) จะเลือกอันไหนดี เป็นคำถามที่ถามกันมาตลอด สำหรับคนฝึกกลอง เรามาดูจุดเด่นของแต่ละ ตัวกันเลยดีกว่า
ข้อดีในการใช้ Acoustic Drum ซ้อม
Electric Drum |
It's all about drumming
กลองจริง ( Acoustic Drum ) กับ กลองไฟฟ้า ( Electric Drum ) จะเลือกอันไหนดี เป็นคำถามที่ถามกันมาตลอด สำหรับคนฝึกกลอง เรามาดูจุดเด่นของแต่ละ ตัวกันเลยดีกว่า
Electric Drum |
ก่อนที่เราจะเล่น Latin นั้น เราควรรู้ก่อนว่าหลักๆ Latin จะแบ่งเป็น 2 สายใหญ่ๆ คือ
1. Afro-Cuban
2. Brazilian
ซึ่งทั้งสองสายนี้ มีความแตกต่างกันมาก ใน Technique ต่างๆ แบบฝึกจะต่างกัน เลือกฝึกสายใดสายหนึ่งก่อน มาดูว่ากัน 2 สายนี้ต่างกันยังไงก่อน
Afro-Cuban |
Brazilian |
ความแตกต่างในการฝึก Afro-Cuban กับ Brazilian |
เราจะพูดถึงไม้กลอง Size มาตรฐานนะครับ ตัวเลขคือเส้นรอบวง
เลขน้อย = ใหญ่
เลขมาก = เล็ก
ส่วนต่อมาคือ ตัวอักษร A B มันมีความหมายลึกซึ้งมาก ไม่เคยรู้กันใช่มั้ย
"A" ย่อมาจาก orchestra ไม้ชนิดนี้จะใช้ในวง orchestra และเป็นไม้ที่มีขนาดเล็ก ไม้ "A" จะมี 7A 5A อย่างไรก็ตามไม้ประเภทนี้ยังนิยมมากสำหรับมือกลอง Jazz โดยเฉพาะ 7A ที่มีขนาดเล็กที่สุด จะนิยมในหมู่มือกลอง Jazz ที่เล่น Standard Jazz เพราะทำให้ลดความดังจากการตีได้
"B" ย่อมาจาก Band หรือวงดนตรี นิยมใช้ในวง Brass Band ที่มีเสียงดัง ไม้ประเภทนี้จึงออกแบบมาให้มีความใหญ่ เพื่อเวลาตีจะได้มีเสียงดังสู้กับเรื่องอื่นๆ ในวงได้ และเป็นที่นิยมในมือกลองสาย Rock มาก
สรุปดังนี้
ใหญ่สุด 2B
ต่อมา 5B
ต่อมา 5A
เล็กสุด 7A
สำหรับผู้ที่เริ่มต้นฝึกกลองหรือคุณครูที่จะแนะนำให้นักเรียนใช้ไม้กลองนะครับ ผมแนะนำให้เริ่มจากใช้ 2B เนื่องจากเป็นไม้ที่มีขนาดใหญ่ ทำให้จับง่าย และการเด่งกลับของไม้จะดีกว่าไม้ Size อื่นๆ อีกทั้งเป็นไม้ที่มีน้ำหนักมาก จะช่วยเรื่องของกล้ามเนื้อและข้อมือให้มีความแข็งแรงได้อีกด้วย
คนที่สร้างตัวเลขและตัวอักษรบนไม้กลองคือ ผู้ก่อตั้งกลอง Ludwig ( William f. Ludwig )
เคยเป็นมั้ยซ้อมเยอะมากแต่ไม่เก่งขึ้นเลย อ่านแล้วคงรู้สึกแปลกสินะ ปกติซ้อมเยอะๆ แล้วจะเก่งนิ มีด้วยหรอแบบนี้ มีครับ
ลองตอบตัวเองดูสิว่าซ้อมอะไรอยู่ ตอบแบบไม่ต้องคิดกันหรือเปล่า เพราะถ้าคิดแสดงว่ายังไม่ได้ซ้อม การซ้อมที่ดีต้องมีการวางแผน
ผมพูดถึงการวางแผนระยะยาวเลยนะ รายเดือน รายปี สงสัยใช่มั้ยว่ามันต้องขนาดนั้นเลยหรอ ใช่ครับ จะลองทำดูก็ไม่เสียหายอะไรนิ
มาเริ่มกันเลยนะ
1. อยากได้อะไร Jazz / Latin / Metal / Funk / Progressive Rock ( เอาซักแนวก่อน )
2. เช็คตารางตัวเองว่าว่างซ้อมตอนไหน วันไหน กี่ ชม. ( ควรเกินวันละ 1 ชม. )
3. พอได้แล้วก็มาดูว่าแต่ละแนวมีหลักยังไง เช่น Jazz = Triplet,Rudiment,Comping / Metal = 16th Note,Double Bass Drum,Blast Beat เป็นต้น
4. นำ Subdivision มาฝึกเป็น Warm-Up เช่น Metal ให้เน้น Warm-Up 16th Note กับ Double Pedal
5. ซ้อม Technique ล้ำๆ Metal ต้องซ้อม Flat-Foot Technique เพื่อจะเล่น Double Pedal หรือกระเดื่องคู่ให้ได้ Speed สูงกว่า 200 Bpm ขึ้นไป อย่าฝืนฝึก Technique เดิมเพื่อให้มันเร็วขึ้น เพราะแต่ละ Technique จะมีจุดอ่อนและจุดแข็งของมันอยู่ เดี๋ยวมาว่ากันเรื่องนี้ที่หลัง
6. หาเพลงที่อยู่ใน Skill ของเราแล้วแกะซะ ต้องเป็นแนวเดียวกันที่เราฝึกด้วยนะ
7. จัดเวลาลงให้แต่ละแบบฝึก ดูตัวอย่างด้านล่าง ( แบบซ้อม 3 ชม. ทุกวัน หยุดได้ 1 วัน )
ลองดูนะครับซักเดือนนึงเห็นผลแน่นอน !!!